เมื่อเลือกกระบวนการต่าง ๆ ครบถ้วนแล้วต่อไปก็เป็นการสั่งให้โปรแกรมทำงาน โดยคลิกที่เมนู General เลือก Apply changes หรือกดปุ่ม Ctrl + A เลยก็ได้ โปรแกรมจะทำงาน ตามขั้นตอนที่วางไว้ และแสดงผลด้วยแถบ Progress bar

เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการที่หนึ่งก็จะดำเนินการกระบวนการถัดไปอย่างต่อเนื่อง

เมื่อทำมาครบแล้ว ก็จะแสดงกรอบแจ้งการทำงานขั้นสุดท้ายให้ทราบ

เมื่อตอบ OK แล้ว โปรแกรมจะแจ้งให้ทราบว่า ต้องมีการ Restart เครื่อง

ก็เป็นอันว่า เราสามารถรวมพาร์ทิชั่นได้แล้ว สามารถแปลงฟอร์แมตจาก FAT เป็น FAT32 ได้ ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ

นอกจากนี้แล้วตัวโปรแกรมยังมีฟังก์ชั่นอื่นๆ อีกมากมายนะครับ เช่น เมื่อเราคลิก เมาท์ขวาที่ไดรว์หรือเลือกเมนู Operations จะมีตัวเลือก Advance ซึ่งมีคุณสมบัติที่น่าสนใจ มากกว่าเวอร์ชั่น 3 ครับ

• Bad Sector Retest เนื่องจากระบบไฟล์ FAT จะตรวจหา bad cluster แทนที่จะเป็น bad sector กระบวนการเช่น move resize และ change cluster size ( เปลี่ยนขนาด คลัสเตอร์ เช่น จาก FAT to FAT32) จะทำให้ sector ที่ดีถูก mark bad ไปด้วยเพราะ sector นั้นบังเอิญอยู่บน bad cluster กระบวนการนี้จะทำการตรวจสอบใหม่ เพื่อนำ เอา sector ที่ดีๆ นั้นกลับมาใช้งาน
• Hide Partition ซ่อนพาร์ทิชั่นไว้ ซึ่งผู้ใช้อื่นจะมองไม่เห็นและไม่สามารถเรียกใช้ได้ จนกว่าเราจะใช้ Partition Magic ยกเลิกการซ่อน
• Resize Root เปลี่ยนค่าจำนวนสมาชิกสูงสุดที่สามารถมีได้ใน Root Directory ซึ่ง ค่านี้จะถูกกำหนดในขั้นตอนของการ Format การเปลี่ยนค่านี้หากเพิ่มค่าตอนต้น ของไดรว์บูตซึ่งเก็บไฟล์ระบบไว้ (IO.SYS, MSDOS.SYS) จะถูกเขียนทับ ทำให้ไม่ สามารถบูตเครื่องได้
• Set Active ตั้งให้เป็น Active Partition ซึ่งจะใช้บูต โดยปกติไดรว์ C: จะเป็นพาร์ทิชั่น ที่ active ถ้าคุณอยากบูตจากพาร์ทิชั่นอื่นก็สามารถทำได้ โดยการฟอร์แมตให้ พาร์ทิชั่นนั้นๆ มีไฟล์ระบบเช่น IO.SYS, MSDOS.SYS, COMMAND.COM และเลือก ให้พาร์ทิชั่นนั้น active แทนไดรว์ C: ถ้าไม่มีระบบเมื่อเครื่องบูตขึ้นมาจะพบข้อความ แจ้งว่า ไม่มีระบบปฏิบัติการบนดิสก์ ไม่สามารถบูตได้
• Resize Cluster ปรับขนาดของคลัสเตอร์ เพื่อให้สามารถประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ ไฟล์ เช่น ในกรณีที่เราเปลี่ยนจาก FAT16 เป็น FAT32 การใช้คลัสเตอร์ขนาดเล็กจะ ทำให้เราประหยัด cluster waste ได้และใช้พื้นที่ได้เต็มประสิทธิภาพ

NEXT