ยุคนี้เป็นยุคที่ต้องรัดเข็มขัด ประหยัดให้ได้ในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องอาหารการกิน การอุปโภคบริโภค ถ้าทำได้เราก็จะเหลือค่าใช้จ่ายเอาไปสมทบกับการเก็บออมในครัวเรือนได้ วันนี้ขอเสนอเกี่ยวกับการประหยัดไฟฟ้ากันครับ

พอดีที่บ้านแอดมินมีหลอดไฟฟ้าในโคมแบบซาลาเปาชำรุด ดับสนิท จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่เพราะใช้มานานหลายปีแล้ว ไหนๆ จะเปลี่ยนทั้งทีก็น่าจะเอาที่ประหยัดไฟกว่าเดิมสักหน่อย แล้วจะใช้อะไรดีล่ะ เปลี่ยนยี่ห้อใหม่ หรือจะใช้หลอดไฟแบบอื่นเลย

โคมซาลาเปาและหลอดฟลูออเรสเซนต์เดิม มีบัลลาสท์ สตาร์ทเตอร์ มีความร้อนสูงและกินไฟมาก

นี่คือโคมไฟเพดานที่ใช้กันในบ้านทุกหลังในหมู่บ้านเรา เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์กลมขนาด 32 วัตต์ ซึ่งภายในโคมนอกจากตัวหลอดแล้วก็จะมี บัลลาสท์ และสตาร์ทเตอร์ ที่เป็นตัวช่วยในการเพิ่มกำลังไฟฟ้า ให้ความร้อนแก่ไส้หลอด เพื่อที่จะปล่อยอิเล็กตรอนไปชนกับสารปรอท (ที่เคลือบภายในหลอด) ให้เกิดแสงสว่าง เมื่อใช้ไปนานๆ ขั้วหลอดจะเริ่มดำเพราะมีความร้อนสูง และขาดชำรุดไปในที่สุด บางทีเจ้าบัลลาสท์เองก็จะร้อนมากจนไหม้ชำรุดก็มี การทำงานของหลอดแบบนี้ จะเกิดความร้อนทั้งที่ตัวหลอดและตัวบัลลาสท์เอง ทำให้อุณหภูมิห้องสูงขึ้น เครื่องปรับอากาศก็จะทำงานมากขึ้นด้วย

เมื่อหลอดชำรุดไม่ส่องแสงสว่างเช่นเคย สิ่งที่ผมมองหามาทดแทนคือ การใช้หลอดไฟฟ้าแบบ LED ทดแทนหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบเดิม โดยใช้โคมเดิมได้เลย หลอด LED สำหรับโคมแบบซาลาเปาที่มีจำหน่ายจะมีหลายแบบ หลายขนาดครับ แต่สรุปง่ายๆ จะมี 2 แบบ คือแบบมีแผง LED กลมกับกล่องชุดไดรเวอร์ (รูปซ้าย) กับแบบแผง LED กลมที่มีชุดไดรเวอร์ในตัว (รูปขวา) เลือกแบบที่สองครับติดตั้งง่ายกว่า นอกจากนั้นก็ดูขนาดของวงกลมให้พอดีกับโคมเดิม และเลือกวัตต์ตั้งแต่ 20 วัตต์ขึ้นไปจะสว่างเท่าหลอดฟลูออเรสเซนต์เดิมหรือมากกว่า

หลอด LED ที่ใช้ในโคมซาลาเปามี 2 แบบ ด้านซ้ายแบบมีกล่องไดรเวอร์
ด้านขวาแบบไดรเวอร์ในตัว (Built in)

หลอด LED ขนาด 24W Daylight ให้ความสว่างเทียบเท่าฟลูออเรสเซนต์ขนาด 40W แต่ประหยัดไฟกว่า

เราสามารถนำมาติดตั้งทดแทนของเดิมได้ง่ายๆ ครับ โดยการถอดเอาหลอดฟลูออเรสเซนต์กลมเดิม บัลลาสท์ และสตาร์ทเตอร์ออกให้หมด ตามรูปข้างล่างนี้

จากนั้นนำเอาแผงหลอด LED วงกลมมาติดตั้งแทน โดยแผงวงจรด้านหลังจะมีแม่เหล็กสำหรับยึดกับโครงเหล็กของโคมเดิม โดยไม่ต้องขันยึดด้วยน็อต หรือสกรูแต่อย่างใด แล้วต่อสายไฟฟ้า 2 เส้นจากโคมเดิมเข้าแผงวงจรเป็นอันเรียบร้อย ทดสอบเปิดไฟดูความสว่าง แล้วปิดฝาครอบได้เลย

หลอด LED ประหยัดกว่าจริงหรือ?

จากตารางเปรียบเทียบอัตราการกินไฟของหลอดไฟชนิดต่างๆ มาให้เห็นกันชัดๆ ดังภาพอธิบายด้านบน ที่เปรียบเทียบปริมาณการกินไฟของหลอดแต่ละชนิดที่ให้ความสว่างเท่ากัน ซึ่งพอจะสรุปได้คร่าวๆ ว่า LED ที่จำหน่ายตามท้องตลาด มีค่าวัตต์ความสว่างสูงเทียบเท่าหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ (หลอดตะเกียบ) และหลอดทังสเตน (หลอดไส้) ในปริมาณวัตต์ไฟฟ้าที่น้อยกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญ ดั่งจะเห็นได้ชัดใน LED 18 วัตต์ ให้ค่าความสว่างเท่ากับหลอดไส้แบบ 180 วัตต์ กินไฟต่างกันถึง 10 เท่าเลยทีเดียว !!! (ในทางเทคนิค)

ข้อดี/ข้อเสีย ของหลอด LED

ข้อดี :

• ทนทานต่อการใช้งานมากเป็นพิเศษ แอลอีดีที่มีคุณภาพสูง มีอายุการใช้งานได้ยาวนานถึงประมาณ 10-20 ปี
• อัตราการกินไฟต่ำมากเป็นพิเศษ แต่ได้ค่าความสว่างเท่าหลอดไฟแบบฟลูออเรสเซนต์ และหลอดทังสเตน (หลอดใส้) ซึ่งช่วยประหยัดไฟในระยะยาว
• มีความร้อนค่อนข้างต่ำมากเป็นพิเศษ จึงไม่ทำให้ห้องและสภาพแวดล้อมนั้นเกิดความร้อนจากแสงไฟ ช่วยลดภาระของแอร์ในการทำความเย็นลงได้ ซึ่งเท่ากับประหยัดไฟไปได้อีกต่อหนึ่ง
• ไม่ต้องเพิ่งพาบัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ในการติดตั้งใช้งาน LED แบบใช้งานในบ้าน ส่วนมากสามารถต่อกับไฟบ้านได้โดยตรง ไม่มีการกระพริบ ไฟติดทันทีที่เปิด
• ไดโอดเปล่งแสงมีขนาดเล็ก ทำให้สามารถนำไปประกอบให้มีรูปร่างที่แตกต่างกันออกไป ได้ตามการใช้งาน
• ไม่มีก๊าซพิษร้ายแรงเพื่อทำปฏิกิริยาทางไฟฟ้า และไม่มีส่วนประกอบของกระจก ปลอดภัยแม้ทำแตก หัก เสียหาย

ข้อเสีย :

• ราคาต่อชิ้นค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับหลอดไฟแบบฟลูออเรสเซนต์ และหลอดทังสเตน (แต่ในอนาคตจะราคาถูกลง จากจำนวนการผลิต และเทคโนโลยีที่ดีขึ้น)
• LED ส่วนใหญ่ ไม่สามารถใช้กับสวิตซ์หรี่แสง (Dimmer Switch) แบบเดิมได้ แต่มีสวิทช์หรี่แสงที่ใช้กับหลอด LED ออกมาจำหน่ายแล้ว (ใช้แทนกันไม่ได้นะครับ)

ไม่เหนือความเป็นจริงแต่อย่างใด หากจะสรุปว่า หลอดไฟ LED ประหยัดไฟมากกว่าหลอดไฟรูปแบบต่างๆ ในอดีต เพิ่มเติมคือความทนทานและไม่ทำให้ห้องร้อนขึ้นอีกด้วย แม้เทคโนโลยีนี้จะมาพร้อมกับราคาค่าตัวที่สูงขึ้นก็ตามที แต่เมื่อมองในค่าใช้จ่ายระยะยาวแล้ว นี่เป็นเทคโนโลยีที่น่าลงทุน และสร้างประโยชน์ให้กับทั้งตัวคุณ และต่อสภาพแวดล้อมในอนาคตอย่างแน่นอน

กลับไปหน้า "ปัญหาคาใจ"