foto1
Internet & Security
foto1
Learn to build your website
foto1
Try to our Goal!
foto1
Tip & Tricks to use Computer
foto1
Operating System


Our Sponsor

side 1

Easyhome Group

krumontree200x75
isangate com 200x75
ppor 200x75
isangate net 200x75
 e mil

No. of Page View

blood donate

คอมพิวเตอร์เครื่องแรกในชีวิตเลือก PC หรือ MAC ดีกว่ากัน?

ป็นคำถามที่ได้รับมาบ่อยๆ ทั้งจากคนใกล้ตัว ญาติๆ เพื่อนฝูง เรื่องจะซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่เป็นเครื่องตระกูล MAC หรือ PC ดี มาใช้งานสำหรับมือใหม่ มือเก่า นักเรียน นักศึกษา หรือวัยทำงาน กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกในชีวิตไม่อยากผิดหวัง เป็นคำถามที่ตอบยากฟันธงไม่ได้ครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างมาก ตามประสาคนไทยที่เลือกจะซื้ออะไรแล้วคิดเผื่อไว้เยอะมาก เช่น จะซื้อรถใหม่สักคันเพื่อใช้ขับขี่ไปทำงาน (แค่นั้น) คำตอบน่าจะเป็น รถยนต์อีโค่คาร์เล็กๆ ประหยัดน้ำมัน ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่เชื่อไหมว่า คนไทยคิดมากกว่านั้น...

" อยากได้รถเล็กประหยัดน้ำมัน ราคาถูกพอซื้อได้ แต่ต้องวิ่งได้ความเร็วอย่างน้อย 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง บรรทุกได้ (เผื่อมีคนให้ข้าวสารสักกระสอบ หรือมีคนอาศัยไปด้วยสัก 3-4 คน) มีกำลังสัก 150 แรงม้าขึ้นไป ลุยน้ำท่วมได้ดี ดาวน์น้อยๆ ผ่อนนานๆ (ดอกเบี้ยบานกันไป)... "

konthai tae

สุดท้ายได้อะไร? กระบะ 4 ประตูยกสูง (ได้มาแล้ว ไม่ตรงเงื่อนไขสักข้อ เช่น ไม่ประหยัดน้ำมัน ราคาไม่ถูก ดอกเบี้ยบาน ไม่เคยบรรทุกข้าวสาร นั่งหัวโด่ไปคนเดียวตลอด เฮ้อ! เพื่อนขอให้บรรทุกกระสอบถ่านกลับบ้านสักกระสอบ หน้างอ ไม่เอา เดี๋ยวดำ เปื้อน ไม่อยากล้าง ฯลฯ) จริงไหม...?

เราต้องตอบคำถามก่อนว่า เราจะใช้มันเพื่อ...

เหมือนการซื้อรถยนต์ในย่อหน้าบนนั่นแหละ เราต้องตั้งเป้าหมายกันก่อนว่า "จะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนี้เพื่อการทำงานอะไรเป็นหลัก มีงบประมาณมากน้อยเพียงใด ความคุ้มค่าที่ได้มาเพียงพอหรือไม่?" แล้วค่อยสรุปว่า ควรซื้อเครื่องในกลุ่มตระกูล PC ซึ่งมีหลายยี่ห้อและหลายระดับราคาในตลาด ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows หรือเครื่องตระกูล Mac ของ Apple ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ OSX  ที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด ไม่มีอะไรดีกว่ากันนะในเงื่อนไขเดียวกัน

mac vs pc

พิจารณาความต้องการของเราก่อน

  1. งานที่ต้องการใช้คือ งานเอกสารทั่วไป ใช้อินเทอร์เน็ต สื่อสังคมออนไลน์ (ส่งดอกไม้ยามเช้า) รับส่งอีเมล์ ดูหนัง ฟังเพลงทั่วๆ ไป
  2. งานกราฟิกตกแต่งรูปภาพทั่วไป ตัดต่อวีดิโอเล็กๆ เป็นงานอดิเรก
  3. เล่นเกมที่มีการเคลื่อนไหวมากๆ กราฟิกเนียนกริบ เกมส์ยอดนิยมระดับแข่งขัน e-Sport
  4. งานตกแต่งกราฟิกเพื่อการโฆษณา ตีพิมพ์เอกสารสิ่งพิมพ์ ตัดต่อวีดิโอระดับ 4K งานบันทึกเสียงเพลงระดับ Studio มูลค่างานสูง
  5. มีงบประมาณจำกัด อยากได้สเปกที่สูงๆ
  6. ชอบความเสถียรของระบบ ไม่เกี่ยงราคา

เอาแค่ 6 ข้อนี้ก็มีคำตอบแล้วครับ โดยไม่ต้องคิดอะไรมากว่า "มันดี ไม่ดีกว่ากันอย่างไร" ถ้าความต้องการของคุณอยู่ในข้อที่ 1, 2, 3, และ 5 เลือกใช้ PC กับ Windows เถอะ ได้ราคาที่คุณสู้ไหว และใช้งานได้ตามต้องการแล้ว แต่ถ้าเน้นที่ข้อที่ 3 มากที่สุด เรื่องราคาถูกไม่น่าจะใช่นะ พวกนี้จะแพงพอตัวทีเดียวทั้งตัว CPU, RAM, VGA card, Monitor

ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มข้อ 4 และ 6 อันนี้ฟันธงไปที่ Mac กับ OSX ล่ะ เพราะเรื่องความเสถียรของระบบดีกว่าแน่ๆ ด้วยการผลิตตัวเครื่อง (Hardware) กับซอฟท์แวร์ระบบ (Software) นั้นทำมาเพื่อกันและกัน จอแสดงผลที่ว่ากันว่าถูกปรับแต่ง (Calibrate) สีสันมาอย่างถูกต้อง สีตรงไม่มีเพี้ยน (ถามว่า ฝั่งวินโดว์มีไหมที่จอดีๆ มีครับแต่... ราคาก็มหาโหดเกินกว่าจะรับได้นะซิ)

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

ระบบปฏิบัติการ Mac OSX นั้นผลิตมาเพื่อเครื่อง Mac ของ Apple โดยผู้ผลิตเจ้าเดียวกันคือ Apple Inc. จึงมีความเข้ากันได้แน่นอนไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เมื่อซื้อเครื่องตระกูล Mac มาใช้งานจะเริ่มต้นด้วยการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Mac OSX ครั้งแรก แค่กำหนดค่าประเทศ/ภูมิภาคที่เราอยู่ และบัญชีผู้ใช้งานเสร็จแล้วก็ใช้งานได้เลย ไม่ต้องมีการติดตั้งไดรเวอร์ใดๆ ทั้งนั้น เพราะบรรดาไดรเวอร์การ์ดจอ การ์ดเสียง ฯลฯ ถูกกำหนดมาในระบบปฏิบัติการแล้ว

mac vs windows

ในขณะที่ฝั่งระบบปฏิบัติการ Windows นั้น ออกแบบมาให้สามารถนำไปใช้กับเครืองคอมพิวเตอร์ที่ผลิตมาจากหลายๆ บริษัท (HP, Dell, Lenovo, Acer, Asus และอีกมากมาย) ซึ่งก็มีอุปกรณ์ตัวเครื่อง (Hardware) ที่แตกต่างกันให้เลือก หลายระดับราคา ตั้งแต่รุ่นล่างๆ ราคาถูกสุดๆ ไปจนถึงรุ่นไฮเอนด์ที่ราคาก็เว่อวังอลังการไม่แพ้เครื่อง Mac เมื่อซื้อมาแล้วทำการติดตั้งระบบปฏิบัติการลงไปครั้งแรก ก็จะเจอความต้องการมากมายตามมาให้เราแก้ไข เช่น ไดรเวอร์การ์ดจอที่ถูกต้องจึงจะแสดงผลได้ความละเอียดชัดเจน เสียงไม่มีหรือมีแต่เสียงกระป๋องแค่ฟังเสียงหยดน้ำตกกระทบแค่นั้น ก็ต้องหาไดรเวอร์การ์ดเสียงมาติดตั้งให้ถูกต้อง จึงจะได้ความอลังการของเสียงตามโฆษณา ยังต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้อีกต้องหาไดรเวอร์การ์ดเน็ตเวอร์กมาให้ตรงรุ่น โอ้ย! เรื่องเยอะสุดๆ (ท่านอาจไม่พบปัญหานี้ตอนซื้อเครื่องมา เพราะทางร้านขายจัดการให้แล้วเท่านั้นเอง แต่พอมีปัญหาติดตั้งใหม่ มาทำเองก็ทำไม่ได้ต้องยกไปให้เขาคิดเงินอีก)

มาดูข้อเปรียบเทียบระหว่างทั้งสองฝั่งกันหน่อย

  • ระบบปฏิบัติการ เครื่อง Mac จะมี OSX มาให้พร้อมเครื่อง (บวกราคาไว้แล้ว แต่ก็ไม่มาก) เครื่องในกลุ่ม PC ถ้าเป็นกลุ่มราคาถูกจะไม่มี Windows มาให้ จะมีแค่ DOS หรือ Linux ที่บูตตรวจสอบเครื่องได้เท่านั้น ไม่พร้อมใช้งาน ถ้าเครื่องระดับกลางๆ ขึ้นไปจะมี Windows OEM จากโรงงานมาให้เป็นรุ่น Home สำหรับใช้งานทั่วไปเท่านั้น ถ้าใช้ในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่/สถาบันการศึกษาใหญ่ๆ ที่ต้อง Join Domain ต้องซื้อเพิ่มเป็นรุ่น Pro ขึ้นไป และ Mac OSX นั้นจะสามารถอัพเดทได้ตลอด จนกว่าเครื่องจะไม่สามารถรองรับได้ (เก่าเกิน) ส่วน Windows นั้นเมื่อจะเปลี่ยนหรืออัพเดทเวอร์ชั่นต้องซื้อใหม่เท่านั้น (เพิ่งเคยเห็นฟรีตอนที่ต้อนคนให้มาใช้ Windows 10 นี่แหละ แต่มีเวลาจำกัดนะ)
  • ซอฟท์แวร์พื้นฐาน เครื่อง Mac จะมีซอฟต์แวร์พื้นฐานพวกดูหนัง ฟังเพลง ทำเอกสาร (Pages, Numbers, Keynote) โปรแกรมตัดต่อวีดิโอ (iMovie) ทำดนตรีง่ายๆ (GarageBand) จัดการรูปภาพ (Photo) และโปรแกรมจิปาถะอื่นๆ ดังในภาพล่าง ส่วนเครื่องในกลุ่ม PC ที่ใช้ Windows นั้นมีมาให้แค่บราวเซอร์ Microsoft Edge ตัวเล่นมัลติมีเดีย (Media Player) กับพวกเท็กซ์เอดิเตอร์อย่าง (Notepad) กับจิปาถะอีกเล็กน้อยเท่านั้น พวกจัดการเอกสารเช่น Microsoft Office นี่ต้องซื้อเพิ่มเท่านั้น ราคาก็แล้วแต่เวอร์ชั่นที่เลือกใช้เลยหลายตังค์อยู่

Built in Apps MAC

  • อุปกรณ์ระบบ เครื่อง Mac ดูจะมีข้อจำกัดมากกว่า เช่น เปลี่ยน CPU, RAM, HDD, Battery เองแทบจะไม่ได้แล้วในเครื่องยุคหลังตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา เพราะทาง Apple ได้ใช้วิธีการบัดกรีอุปกรณ์พวกนี้ลงบนเมนบอร์ดโดยตรง การจะทำให้เครื่องมีคุณสมบัติสูงๆ ต้องทำการเลือกให้พอใจก่อนการสั่งซื้อ (CTO = Config to Order) ที่หน้าเว็บของ Apple เพื่อสั่งผลิตตามที่เราต้องการได้เลย จะมาแกะเครื่องเพิ่มอุปกรณ์ทีหลังไม่ได้แล้ว แต่ทางฝั่ง PC นั้นทำได้เกือบจะทุกรายการเลยทีเดียว
  • อุปกรณ์ต่อพ่วง เครื่อง Mac ดูจะมีข้อจำกัดในเรื่องนี้มากกว่าฝั่ง PC เพราะอุปกรณ์ที่จะมาเชื่อมต่อต้องได้การรับรองว่าเข้ากันได้ (Compatible) รับรองโดย Apple แล้ว รวมทั้งพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ จะมีน้อยกว่า ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมมาใช้ ซึ่งถ้าผลิตโดย Apple ก็จะแพงกว่าปกติ เช่น จะต่อพ่วงกับโปรเจ็กเตอร์ฉายภาพ ต้องซื้อตัวแปลงราคาเกือบพันมาใช้ เป็นต้น ในขณะที่ฝั่ง PC ค่อนข้างจะมีพอร์ตเชื่อมต่อมาครบ ยกเว้นพวก Notebook Slim รุ่นบางเบาก็ต้องมีอุปกรณ์เสริมที่มักจะแถมมาให้ หรือถ้าซื้อก็ราคาย่อมเยากว่า
  • ซอฟท์แวร์เพื่อการประกอบอาชีพ อย่างโปรแกรมตัดต่อวีดิโอ การทำเพลง/ดนตรี การตกแต่งภาพ สร้างภาพรูปแบบต่างๆ นั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก คือมีราคาแพงกันทั้งคู่ มีโปรแกรมอย่างค่าย Adobe นี้จะมีให้เลือกซื้อเลือกใช้ทั้งสองระบบปฏิบัติการ เช่น Phoshop, Dreamweaver, Illuster, InDesign, Premier Pro etc. แต่บางโปรแกรมก็มีเพียงฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เช่น การตัดต่อวีดิโอฝั่ง Windows ที่นิยมอีกตัวคือ Vegus Pro ทางฝั่ง Mac จะมี Final Cut (ซึ่งผลิตโดย Apple เป็นที่นิยมของคนใช้ Mac มาก เพราะมีคุณสมบัติลูกผสมระหว่าง Premier Pro + Vegus Pro และที่แจ่มคืออัพเดทเวอร์ชั่นไปได้เรื่อยๆ ไม่ต้องจ่ายเงิน จนกว่าเครื่องจะรองรับไม่ไหวนั่นเอง)

consumer workstation laptop

  • ราคาจำหน่ายเครื่อง ข้อนี้แหละที่เป็นที่ถกเถียงกันมาก หลายคนบอกว่า "PC ถูกกว่า แรงกว่าเยอะ ซึ่งถ้าซื้อ Macbook Pro 1 เครื่อง สามารถซื้อ Notebook ที่มีสเป็กเท่ากันได้ตั้ง 2 เครื่อง" ถ้าพูดลอยๆ แบบนี้ก็อาจจะจริงนะ โดยเฉพาะถ้าเราไปซื้อเครื่องในร้านไอทีตามศูนย์การค้าต่างๆ นั้น จะโดนกรอกหูโดยคนขายกันแบบนี้แหละ เพราะเป้าหมายคนขายคือต้องการค่าคอมมิชชั่น และราคาก็เย้ายวนใจสำหรับลูกค้าที่จะควักจ่ายทันทีง่ายๆ แต่ความจริงนั้น...
    • เกรดของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ขายๆ กันอยู่มันมีหลายเกรดนะครับ ทั้งทางด้านตามความทนทาน ความน่าเชื่อถือ ความมีเสถียรภาพของระบบ โดยแบ่งเป็น
      - เครื่องคอมพิวเตอร์แบบใช้งานทั่วไป - Consumer or Home Use สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป มีราคาถูก คุณสมบัติเครื่องมีตั้งแต่ต่ำๆ ไปจนกลางๆ (อุปกรณ์จะมีเกรดต่ำกว่า) ตัวเครื่องส่วนใหญ่เป็นพลาสติกขึ้นรูป หรือถ้าเครื่องตั้งโต๊ะก็จะทำจากเคสสังกะสีบางๆ มีการรับประกันอุปกรณ์เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น
      - เครื่องคอมพิวเตอร์แบบใช้งานธุรกิจ Business or Work Station สำหรับผู้ใช้งานระดับองค์กร ที่ต้องการความมีเสถียรภาพ ทนทาน ทั้งตัวอุปกรณ์ภายในและภายนอก ทนต่อการตกกระแทก ตกหล่นพอสมควร จึงมีโครงสร้างตัวถังเป็นอะลูมิเนียม โลหะอัลลอย หรือไฟเบอร์กลาส มีการรับประกันมากกว่า 3 ปี มีบริการซ่อมถึงที่ (Onsite Service) ด้วย รวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยในตัวเครื่องด้านฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์เต็มพิกัด เชื่อถือได้
      - เครื่องคอมพิวเตอร์แบบใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม-การทหาร Industrial or Military สำหรับผู้ใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม หรือในทางการทหาร ที่ต้องการความทนทานทั้งในสภาวะฝุ่น ควัน น้ำ น้ำมัน การกระแทกกระทั้นที่ไม่อาจคาดหมายได้โดยไม่มีความเสียหาย หรือเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งตัวเครื่อง อุปกรณ์ภายใน ซอฟท์แวร์ต่างๆ ต้องมีเสถียรภาพสูงมากๆ การรับประกันยาวอาจถึง 5 ปีขึ้นไป และการบริการซ่อมแซมถึงที่ด้วยความรวดเร็วเป็นพิเศษ ส่วนราคานั้นก็แพงตามคุณภาพอยู่แล้ว
    • Mac vs PC เครื่องคอมพิวเตอร์แบบ PC นั้นมีทุกระดับตามข้อบน เลือกได้เลยตามความต้องการ แต่สำหรับเครื่อง Mac ที่วางขายในปัจจุบันนั้นมีเฉพาะเทียบเท่าข้อที่ 2 Work Station เท่านั้น ไม่มีเครื่องระดับผู้ใช้งานทั่วไป (Consumer) เลย พูดง่ายๆ ว่า มันก็มีราคาแพงพอๆ กับเครื่อง PC Work Station นั่นเอง

จากภาพประกอบด้านบนนำมาจากบริษัท Dell ซึ่งผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งในระดับผู้ใช้งานทั่วไป (Consumer) และระดับองค์กร (Business) จะเห็นชื่อรุ่นที่แตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน ยกเว้นรุ่น XPS ซึ่งจะมีทั้งสองตลาด แต่ก็จะมีตัว Body ชนิดของจอ และอุปกรณ์ภายในที่แตกต่างกัน รวมทั้งราคาที่ย่อมเยาว์ต่างกันด้วย ถ้าเป็นของบริษัท Acer กลุ่มเครื่องผู้ใช้งานทั่วไปก็จะเป็นรุ่น Swift, Spin, Aspire ถ้าเป็นกลุ่มองค์กรก็พวกรุ่น Travel Mate หรือบริษัท HP  กลุ่มเครื่องผู้ใช้งานทั่วไปจะเป็นรุ่น Pavillion, Envy กลุ่มใช้งานองค์กรก็พวกรุ่น Probook, ZBook เป็นต้น

ถ้าเราซื้อเครื่อง Mac ก็จะต้องเอาคุณสมบัติตัวเครื่องมาเทียบกับ PC ที่่เท่ากัน (ใกล้เคียงกัน) และอยู่ในกลุ่ม Business หรือ Work Station ด้วยจึงจะถูกต้อง ไม่ใช่เอาไปเทียบกับเครื่องระดับ Consumer นะครับ และอย่าลืมต้องเทียบกับเครื่องที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows Pro + Microsoft Office รุ่น Standard ด้วย ลองหามาให้ดูไม่ใกล้เคียงนักแต่พอเปรียบได้อยู่ดังภาพ จะเห็นความต่างกันชัดเจนทีเดียว

consumer workstation laptop compare
เปรียบเทียบคุณสมบัติและราคาของ Macbook Pro กับ Notebook แบบ Workstation และ Consumer

เครื่อง Macbook Pro 15 นิ้ว (ตัว Standard สามารถ CTO ให้มีคุณสมบัติสูงกว่านี้ได้ ซึ่งจะราคามหาโหดมาก) เปรียบเทียบกับเครื่อง Notebook ยี่ห้อ Dell รุ่น Workstation และแบบ Consumer ขนาดจอเท่ากัน คุณสมบัติใกล้เคียงกัน (มันหาตรงๆ กันเลยไม่ได้) มาเทียบให้ดู จะเห็นว่า มีราคาที่แตกต่างกันชัดเจน คงจะทำให้ท่านเลิกเชื่อคนขายในร้านไอทีทั่วไป ที่ขายของดีราคาถูก แรง เร็วนั้นจริงหรือไม่ ปกติเครื่อง Mac จะให้ประกันทันที 1 ปี และซื้อ Apple Care เพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อขยายระยะประกันเป็น 3 ปีได้ (ซึ่งเวลามีปัญหาขึ้นมายกไปเข้าศูนย์ตัวแทน จะเคลมได้ไม่มีปัญหา) ส่วน Dell Precission จะให้ประกัน 3 ปีพร้อมบริการซ่อมถึงที่ และตัว Inspiral จะให้ประกัน 1 ปี มีปัญหายกไปศูนย์ได้ เป็นแนวทางในการเลือกซื้อครับ

ข้อสังเกต! เครื่องโน้ตบุ๊คของ Dell ทั้งสองเครื่องนั้นมีระบบปฎิบัติการ Windows มาให้ก็จริง แต่ไม่มีชุด MS Office มาให้ ถ้าต้องการต้องบวกราคาเข้าไปอีก 2700 - 3500 บาท สำหรับซอฟท์แวร์มีลิขสิทธิ์แท้ๆ นะครับ

ฟันธง!

  • Desktop PC + Monitor 27" ถ้าเป็นสายชิวๆ สบายๆ แค่งานเอกสารเล็กๆ ดูหนัง ฟังเพลง ท่องอินเทอร์เน็ต มีเกมบ้างเล็กน้อย ซื้อพีซีแบบตั้งโต๊ะแบบทั่วไป จอสัก 27 นิ้วขึ้น ราคาย่อมเยา 20,000 (บวก/ลบ 2,000) ก็เพียงพอแล้ว แนะนำซื้อเป็นแบบมียี่ห้อมีประกันเครื่องทุกชิ้น (ไม่ใช้เครื่องประกอบตามร้าน ยำรวมมิตร เพราะจะมีปัญหาการรับประกันรายชิ้นทีหลังยุ่งยาก)
  • Desktop PC + Monitor 32" สำหรับคอเกมสายแรง พ่วงด้วยอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้ง Joy Stick + Speakers 7.1 ch. อันนี้คงสะใจคนเล่นเกมกันพอดู งบก็น่าจะอยู่ที่หลัก 30,000 - 50,000 ขึ้นไป แล้วแต่ความสะใจแล้วกัน ไม่แนะนำพวก Notebook Gaming ที่จอ 15-17 นิ้วนะครับ ด้วยเหตุผลว่าไม่คุ้ม แล้วเราก็ไม่ได้แบกมันไปเล่นที่ไหนหรอก หนักมากขอบอก (แต่ก็มีผู้ซื้ออยู่นะ เป็นนักเรียน/นักศึกษานี่แหละ เหมือนเลือกซื้อรถในย่อหนเาแรกเลย สุดท้ายก็หนักปวดหลังประกาศขายมือสองกันแบบขาดทุน ไปซื้อพีซีตั้งโต๊ะ กับโน้ตบุ๊คเบาๆ สักตัวไปเรียน คิดให้ดีนิดหนึ่งว่าวัตถุประสงค์เราคิออะไร)
  • Notebook 14" สำหรับคนที่จำเป็นต้องใช้งานไม่เป็นที่เป็นทาง ต้องยกไปโน่นมานี่ อย่างนักเรียน นักศึกษา ผู้ประกอบอาชีพที่ต้องไปประชุมสัมมนาบ่อยๆ จะเลือกแบบ Consumer หรือ Work Station ก็แล้วแต่งบในกระเป๋าแหละ ถ้าไม่ใช่จอแบบสัมผัส เครื่องบางเบา ราคาก็ย่อมเยาว์หน่อย วงเงิน 16,000 - 25,000 บาทมีมากมาย ทำไมถึงเลือกจอ 14 นิ้ว ผมคิดว่าจอการแสดงผลไม่เล็กเกินไป ไม่หนักเกินไปด้วย แต่ถ้าชอบจอเล็ก 13 นิ้วด้วยสายตาดีก็จะได้เครื่องเบาลงด้วย ส่วนจอ 15 นิ้วนั้นจะได้ความสบายตากว่าและได้ปุ่มแป้นพิมพ์ตัวเลข (Num Pad) ด้านข้างเป็นของแถม สะดวกในการใช้งาน (เพราะเห็นบางคนถึงกับลงทุนแบกคีย์บอร์ดภายนอกไปใช้กับโน้ตบุ๊ค มันยังไงอยู่นะใช่ไหม)
  • Macbook Pro สำหรับคนที่ต้องทำงานพวกงานกราฟิก ตัดต่อภาพและเสียง ทำงานหาเงินในวงการ Studio มากที่สุดเพราะเชื่อใจได้กว่า Notebook ทั่วๆ ไป ทั้งเรื่องตัวฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ที่เสถียรมากกว่า และที่สำคัญเหมาะกับคนอยากมีภาพลักษณ์ดูดีในวงการนั่นแหละ ส่วนจะเลือกขนาดหน้าจอเท่าไหร่? อันนี้ขึ้นอยู่กับเงินและงาน บางคนซื้อ iMAC 27" 5K ตั้งไว้ที่บ้านทำงานหนักๆ และมี Macbook 13" สำหรับนำเสนองาน แต่บางคนก็ซื้อเครื่องเดียวทุนจำกัดก็จะเลือก Macbook Pro 15" CTO จัดหนักเพื่องานทั้งในและนอกสถานที่กันไป ถ้ามันทำเงินให้คุณได้ ราคามันก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ (เว้นแต่พวกอยากเท่ห์ ซือแม็คมาลง Windows ผ่าน Bootcamp เสียดายของครับ)

การซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์สมัยนี้ แนะนำควรซื้อที่มีแบรนด์หรือยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือ ดูการรับประกัน เงื่อนไขต่างๆ ให้ดี พอใจค่อยซื้อ ตอนนี้ตลาดเป็นของผู้ซื้อครับ การแข่งขันรุนแรงมากในธุรกิจนี้ ถ้าเราใจเย็นต่อรองดีๆ ก็ได้เครื่องดีเหมาะสมราคาถูกมาใช้งาน สำหรับเครื่องพีซีแบบตั้งโต๊ะก็เช่นเดียวกัน ซื้อที่มีแบรนด์หรือยี่ห้อดีกว่า ราคาไม่ต่างจากเครื่องประกอบเอง (ตามสั่งจากร้าน) ซึ่งเคยเป็นที่นิยมในอดีตมาก (สมัย ห้างพันทิพ ยังรุ่งเรือง ต่อมาก็ เซียร์ รังสิต ผู้เขียนก็เดินหาซื้อประกอบเองเหมือนกัน) เพราะเราจะได้ประกันตัวเครื่องและอุปกรณ์ทุกชิ้นในนามบริษัทเดียว เชื่อถือได้มากกว่า การเคลมเมื่อมีปัญหาง่ายกว่า และมาตรฐานของอุปกรณ์ถูกคัดสรรมาอย่างดีจากผู้ผลิตแล้วด้วย

คงจะยังไม่จบเท่านี้ เพราะมันควรจะมีคำตอบที่เกี่ยวกับการใช้งานอื่นๆ มาร่วมในการตัดสินใจเลือกซื้อมาใช้งานด้วย ซึ่งหลายๆ คนก็มักจะมีคำถามต่อไปอีกว่า "ระบบปฏิบัติการไหนดี ปลอดภัยกว่า ไม่มีไวรัส มาลแวร์ สปายแวร์ มาก่อกวน" ซึ่งจะช่วยให้เราเลือกใช้งานได้อย่างปลอดภัย เหมาะสมที่สุดนั่นเอง โดยเฉพาะช่วงหลังๆ มานี้มีการแอบเจาะเข้ามาทำการเข้ารหัสไฟล์ (Encrypt) เรียกค่าไถ่กัน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะกับองค์กรใหญ่ๆ บริษัทใหญ่ๆ เท่านั้น เครื่องตามบ้านก็มีโอกาสเช่นเดียวกันครับ มีคนเจอมาแล้ว ตั้งแต่มีระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนี่ ต้องระวังกันไว้ให้มากครับ

ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็ใช้งานอยู่ทั้งสองฝั่งทั้ง Windows และ Mac OSX รวมทั้งระบบปฏิบัติการทางเลือกอย่าง Linux ด้วย จะเอามาเล่าสู่กันฟัง อ่านต่อตอนที่ 2 นะครับ

อ่านต่อ : Mac OSX - Windows - Linux arrow b

สนับสนุนให้ Easyhome อยู่รับใช้ท่านตลอดไป ด้วยการคลิกแบนเนอร์ไปเยี่ยมผู้สนับสนุนของเราด้วยครับ
นโยบายความเป็นส่วนตัว Our Policy

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่เว็บไซต์ Easyhome in Thailand เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)