จากคำถามของเพื่อนๆ ใกล้ชิดหลายคนที่อยากให้ผมตอบว่า "ควรซื้อโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการใดดีในช่วงนี้" ตอบยากเหมือนกันนะ เพราะถ้าจุดประสงค์ของการใช้โทรศัพท์เพื่อเป็นอุปกรณ์ติดต่อสื่อสารด้วยเสียง (โทรออก-รับสาย) นี่จะเลือกอะไรก็ได้ทั้งนั้นมันทำได้ไม่ต่างกันหรอก แต่ถ้าเอาไปใช้ในฐานะ Smartphone คือสารพัดหน้าที่นี่ค่อนข้างฟันธงยาก เพราะต่างก็มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันมากทีเดียว รวมทั้งเรื่องคุณสมบัติของเครื่องจะแปรผันกับราคาไปด้วย ถ้าเอาแค่พอใช้งานธรรมดาราคาไม่เกิน 5,000-6,000 บาทก็มีเยอะ จะเล่นสื่อโซเชียลออนไลน์ทั้ง Facebook, Twitter, Line ได้ไม่มีปัญหา หน่วยความจำอาจจะน้อยไปหน่อย แต่อาจเพิ่มได้ด้วยการใช่ Micro SDCard เข้าไปได้ บางรุ่นใส่ SIM โทรศัพท์ได้ 2 ตัวคนละค่ายได้เลยสะดวก
ใครที่อยากได้แบบแรงๆ ถ่ายภาพสวยๆ มีลูกเล่นเยอะๆ หน่วยความจำมากๆ จอสีสันสดใส ก็หาซื้อได้ในราคาตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไปถึงราคาครึ่งแสนก็มี จะค่ายไหนก็เลือกได้ตามความชอบ (และแรงโฆษณาของแต่ละค่าย คุณจะเชื่อ จะชอบยี่ห้อไหนก็เลือกเอาได้) ตอนนี้ค่ายจีนมาแรงแซงเกาหลี อเมริกาไปแล้ว ส่วนยี่ห้อก็จดจำแทบไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง เยอะจริงๆ
ก่อนจะว่าด้วยเรื่องการเปรียบเทียบ ก็ขอย้อนอดีตหน่อยหนึ่ง โทรศัพท์เดิมๆ ไม่ได้เน้นที่ตัวระบบปฏิบัติการ เพราะใช้แค่การติดต่อด้วยเสียงเท่านั้น หลังๆ มามีการเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งาน เช่น มีเครื่องคิดเลข นาฬิกา ปฏิทิน และเกม ทำให้ต้องมีตัวระบบปฏิบัติการมาควบคุมให้ทำงานได้ดีขึ้น ฉลาดขึ้น ซึ่งมีอยู่หลายระบบขอยกตัวอย่างดังนี้
ณ วันนี้ (ที่เขียนบทความ) เหลือคู่แข่ง/คู่ต่อสู้ในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกมีเพียง iOS และ Android เท่านั้นที่เป็นที่นิยมใช้งาน มีการแข่งขันทั้งสงครามราคา คุณสมบัติ การออกแบบรูปร่างหน้าตาที่ดึงดูดใจ การเลือกใช้งานก็คงต้องพิจารณาด้วยตัวท่านเองว่า ชอบอะไรในผลิตภัณฑ์นั้นๆ ผมผ่านการใช้งานมือถือมาหลายเครื่อง หลายรุ่น หลายระบบปฏิบัติการ ตั้งแต่ Palm, Symbian, Blackberry, Windows Mobile, iOS และ Android ประสบการณ์ดีๆ ที่ใช้นานกว่าคือ Symbian เพราะผ่านมือ Nokia มาหลายรุ่นสุด
ตอนนี้ผู้เขียนมี iPad 2 ที่ใช้ iOS มีโทรศัพท์จีนยี่ห้อ Vivo ใช้ Android (เคยมี iPhone4 แต่ขายไปแล้ว) ถ้าจะถามว่า ระบบไหนดีกว่ากัน? มันจะเป็นคำถามที่ผมตอบได้ยากมาก เพราะในดีก็มีเสียอยู่แหละที่ไม่ถูกจริตของเรา แต่ถ้าหากถามใหม่ ให้พูดถึงจุดเด่นของแต่ละระบบแล้วอาจจะง่ายกว่า ซึ่งเราสามารถวิเคราะห์ความต้องการทางด้านการใช้งาน งบประมาณที่มีของผู้ใช้ได้
เรื่องหน้าตาความสวยงามนี่แทบไม่แตกต่างกันเลยล่ะครับ iOS ทำออกมาสวยยังไง Android ก็สามารถปรับแต่งให้สวยงามได้ใกล้เคียงกัน มีบางยี่ห้อนี่หลายคนยังเข้าใจผิดเลย Vivo ที่ผมใช้งานอยู่ถ้ามองเผินๆ ยังมีคนทักว่า "ใช้ iPhone6 เหรอ" ด้วยหน้าตาภายนอก สีตัวเครื่อง(ทอง) กับหน้าจอที่มีไอค่อนใกล้เคียงกันนั่นเอง
ความสามารถของทั้งสองระบบนี้จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ สามารถทำงานได้เหมือนๆ กัน แอพพลิเคชั่นก็มีการพัฒนาออกมามากมายเช่นเดียวกัน แต่ในความเห็นของผมฝั่ง iOS มีความน่าเชื่อถือมากกว่า เหมาะกับการใช้งานด้านอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งมากว่า ในขณะที่ประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์นั้น Android ทำได้ดีกว่า เมื่อเทียบที่ประสิทธิภาพต่อราคา Android Phone มีราคาน่าคบหามากกว่า เริ่มตั้งแต่ไม่กี่พันบาทไปจนถึงระดับเรือธงหลักหลายหมื่นใกล้เคียงกับ iPhone ก็มี
ด้านฮาร์ดแวร์ที่ทำให้ Android เหนือกว่า iOS คือ ความแรงของซีพียู แรมเยอะ เพิ่มหน่วยเก็บข้อมูล (SD Card) ได้เอง และรองรับการใช้งานกับ SIM มากกว่าหนึ่ง ทำงานพร้อมกันได้ทั้งสองซิม เป็น 3G, 4G ทั้งสองซิมก็ได้ ในเครื่องรุ่นใหม่ๆ นั้นสามารถ Standby 4G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม ทำให้ไม่ต้องพกพาหลายเครื่อง อันนี้แหละสุดยอดมากที่ทำให้ผมต้องหันมาคบกับ Android เพราะไม่อยากพกพาหลายเครื่อง
แต่ในปี 2018 ค่าย Apple ก็ได้ทำเซอร์ไพรซ์ให้กับ iPhone XS, XS Max ให้มี 2 SIM เหมือนกัน โดยมีถาดใส่ SIM อยู่ 1 อันและมี eSIM ภายในเครื่องอีกหนึ่ง ที่ต้องทำการรีจิสเตอร์ใช้งานกับผู้ให้บริการเท่านั้น (ยกเว้น เครื่องที่จำหน่ายในตลาดจีนที่มีเครื่องแบบใช้ถาด 2 SIM จำหน่าย เหมือนเครื่อง Android ทั่วไป)
ส่วนแบ่งการตลาดของระบบปฏิบัติการโทรศัพท์ มกราคม 2015
ไมโครซอฟท์อัพเดตข้อมูลในเอกสารซัพพอร์ต ระบุวันสิ้นสุดระยะซัพพอร์ตของ Windows Phone/Mobile เวอร์ชันสุดท้ายแล้ว ระบบปฏิบัติการตัวสุดท้ายในซีรีส์คือ Windows 10 Mobile, version 1709 (Fall Creators Update) ที่ออกในเดือนตุลาคม 2017 ส่วนวันหมดระยะซัพพอร์ตคือ 10 ธันวาคม 2019
หลังจากนั้นไป เราจะไม่ได้เห็นการอัพเดตใดๆ ของ Windows Mobile อีกแล้ว ถือเป็นจุดสิ้นสุดของระบบปฏิบัติการ Windows Phone/Windows Moible อย่างเป็นทางการ แฟนๆ ท่านใดย้ายไปใช้ระบบปฏิบัติการตัวใดแทน ก็มาแลกเปลี่ยนกันได้ครับ
ในปัจจุบันค่ายผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือไม่ได้แข่งขันกันเรื่อง คุณภาพในการรับ-ส่งสัญญาณโทรศัพท์กันแล้ว ต่างก็อวดอ้างสรรพคุณของกล้องถ่ายภาพกันว่า ใครมีชิพตัวรับภาพละเอียดมากกว่ากัน มีทั้งระดับเครื่องรุ่นล่างๆ ก็มีตั้งแต่ 12-32 ล้านพิกเซล ส่วนรุ่นเรือธงนั้นก็มีมากขนาดเกินกว่า 48 ล้านพิกเซลกันแล้ว จากล้องเลนส์เดียวไม่แหล่มพอต้องมี 3 เลนส์ขึ้นไป (Normal-Wide-Tele) ถ่ายภาพได้หลากหลาย แจ่มชัดไร้สิวฝ้า คุยว่าซูมได้ถึงพระจันทร์็มี ปีหน้าอาจจะมีการแข่งขันกันใส่กล้องมากมายเกิน 3 ก็ได้ การจัดเรียงเลนส์กล้องก็มีแปลกๆ กันไปอีก
ส่วนกล้องหน้าสำหรับถ่ายภาพเซลฟีก็ชัดแจ่มมากมายเกิน 32 ล้านพิกเซล มีโหมดบิวตี้สุดสวยมาให้แทบทุกรุ่น ตั้งแต่ตัวราคาถูกหลักพันยันหลักหมื่น แข่งขันกันจริงจังด้านถ่ายภาพ ไม่เท่านั้น การถ่ายวีดิโอเดี๋ยวนี้มีระบบกันสั่นไหวมาให้ พร้อมทั้งความสามารถการถ่ายคลิป Video 4K 60 fts ได้อีกด้วย ได้ข่าวว่ามัหนังฉายโรงบางเรื่องใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายทำทั้งเรื่องบ้างแล้วนะ เทคโนโลยีไปเร็วจริงๆ พี่น้อง เราผู้บริโภคถ้าหลงเชื่อตามก็กระเป๋าแห้ง เปื่อย ขาดทะลุได้นะขอบอก
|
|
สนับสนุนให้ Easyhome อยู่รับใช้ท่านตลอดไป ด้วยการคลิกแบนเนอร์ไปเยี่ยมผู้สนับสนุนของเราด้วยครับ
|
ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่เว็บไซต์ Easyhome in Thailand เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)